ประวัติของฉัน
วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556
การเชื่อมต่อpc2ตัวแล้วnotebook
วิธีโอนย้ายไฟล์ขนาดเล็ก ถึงขนาดใหญ่
ไฟล์ขนาดเล็ก- สามารถใช้ Flash Drive หรือ copy เข้าแผ่น Cd/DVD ในการโอนย้ายไฟล์ได้
ไฟล์ขนาดใหญ่ -สามารถใช้ USB Hard Disk ต่อเชื่อมเข้า port USB จะได้ drive หนึ่งในคอมพิวเตอร์ของเรา จากนั้นให้ copy เหมือน Flash Drive
แต่ถ้าต้องการโอนทั้งคอมพิวเตอร์ สามารถใช้เทคนิคในการเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์ 2 เครื่องเข้าด้วยกันได้ ผ่านสายเคเบิล CAT5, CAT5e หรือ CAT6
วิธีโอนย้ายไฟล์ระหว่างคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง
วิธีที่ 1 กรณีมี Switch / Hub
อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมี
Switch / Hub
สายเคเบิล CAT5, CAT5e หรือ CAT6 เรียกรวมๆ ว่า สายแลน
คอมพิวเตอร์ต้องมี LAN card ทั้งสองเครื่อง
วิธีที่ 2 กรณีไม่มี Switch / Hub
อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมี
สายเคเบิล CAT5, CAT5e หรือ CAT6 เรียกรวมๆ ว่า สายแลน ที่เรียกว่า "Cross Cable" สายไขว์กัน
คอมพิวเตอร์ต้องมี LAN card ทั้งสองเครื่อง
วิธีเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องเข้าด้วยกัน
ทั้ง 2 วิธีจะมีหลักการคล้ายๆ กัน คือวิธีที่ 1 ต่อสายแลนจากคอมพิวเตอร์เข้า Switch แต่ถ้าเป็นกรณีที่ 2 ต้องสายแลนเข้าด้วยกันระหว่างสองคอมพิวเตอร์
กำหนด IP Address ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน โดยการเข้าเมนู Control Panel
คลิกเลือก Network Connection
ให้เลือก Lan Area Connection คลิกขวาเลือก Properties
ในช่อง "This connection uses the following items" ให้คลิกเลือก "Internet Protocol (TCP/IP) และคลิก Properties
พิมพ์ IP Address ดังนี้
IP Address: 192.168.0.100
Subnet mask: 255.255.255.0
Default Gateway: 192.168.0.1
สำหรับคอมพิวเตอร์อีกเครื่องให้พิมพ์เหมือนกัน ยกเว้น IP Address ให้พิมพ์ต่างกัน เช่น 192.168.0.101 เป็นต้น
จากนั้นให้คลิกไอคอน My Network Places
คลิก View workgroup computers
จากนั้น คุณจะเห็นคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง ให้คลิกเลือกได้เลย
ถ้าเครื่องคอมฯ อีกเครื่องมี password คุณจะต้องใส่ user name และ password ให้ถูกต้องด้วย
การเชื่อมต่อnotebook2เครื่อง
การ Setup ระบบ Ad-hoc นั้นไม่ยากเลยครับ ง่ายมั้กๆ มีแค่ 3 ขั้นตอนคือ
การเซ็ทค่า SSID
การเลือก Channel
เลือก Ad Hoc Network
เซ็ทค่าทุกเครื่องในระบบให้เหมือนกัน แค่ 3 อย่างนี้แหละครับ แค่นี้ก็ connect กันได้แล้วครับ สำหรับ Ad-Hoc Mode นี้จะสามารถต่อได้ถึง 9 เครื่องพร้อมๆกันครับ อืม....ฟังดูง่ายจังเลยนะครับ เดี๋ยวมาลองกันเลยดีกว่าว่าจะมีซักกี่ Step กว่าจะเสร็จ
ส่วนเรื่องการแชร์ Internet Connection นั้นทำได้ไม่ยากเลยครับ เดี๋ยวลองทำตามกันดูนะครับ
เอาล่ะ เรามาเริ่มกันดีกว่านะครับ ผมจะเริ่มที่เครื่องแม่ข่ายก่อน แรกเลยก็ให้เปิดสวิทซ์ Wireless LAN ครับ หลังจากเปิดแล้วให้ดูที่ icon ตรงมุมขวาล่าง ตามรูปนะครับ
ให้ double click ที่ icon นั้น หน้าต่างนี้ก็จะโผล่ขึ้นมาครับ ให้คลิ๊กปุ่ม Advanced ครับ
ต่อมาเราจะทำการเพิ่ม Network ของเราครับ คลิ๊กที่ปุ่ม Add ได้เลยครับ
ในหน้านี้ก็ให้เราใส่ SSID และ Network Key ทีนี้เรามาทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ ว่า SSID และ WEB คืออะไร
SSID คือชื่อของ Network ที่เราตั้งขึ้นมาเอง โดยที่ทุกๆเครื่องในระบบต้องตั้งค่า SSID ค่าเดียวกัน โดยส่วนมากเมื่อเราซื้อ Wireless Access Point มาใหม่ๆ จะมีการตั้งค่า SSID ไว้แล้ว แต่เราควรที่จะเปลี่ยนชื่อ SSID ในทันทีที่ติดตั้ง การตั้งชื่อ SSID นั้นต้องไม่เกิน 32 ตัวอักษร และ ตัวใหญ่ตัวเล็กก็มีค่าต่างกันด้วย เช่น TonyNetwork กับ tonyNetwork ถือว่าเป็นคนละ SSID กันครับ
WEP (Wired Equivalent Privacy) เป็นรูปแบบการเข้ารหัสแบบพื้นฐาน โดยใช้ Network key ที่คุณป้อนเข้าไปในการเข้ารหัส ดังนั้นถ้าทั้ง 2 เครื่องป้อน Network key ไม่ตรงกัน จะไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ครับ
เอาล่ะ มาป้อนค่า SSID และ Network key กันครับ ถ้าคุณไม่เอาเครื่องหมายถูกตรงหน้า The key ... ออก ก็จะไม่สามารถป้อน Network key ได้นะครับ เสร็จแล้วก็คลิ๊ก OK ครับ
อั่นแน่...เห็น Network ของเราแล้ว แต่ยังมี x สีแดง แสดงว่ายังใช้ไม่ได้ครับ ต่อไปให้คลิ๊ก Advanced ครับ
ในหน้านี้ ให้เลือก Computer-to-computer (ad hoc) networks only แล้วคลิ๊ก Close ครับ
เสร็จแล้วลองมาดู icon ของเรา ใกล้จะ work แล้วครับ ขอ double click ไปที่ icon นี้อีกทีครับ
ที่หน้าต่างนี้ เราจะมาเซ็ท Properties กันครับ คลิ๊กปุ่ม Properties ได้เลยยยย
ให้ scroll down ลงมา แล้วคลิ๊กทีนึงที่ Internet Protocol (TCP/IP) ต่อไปคลิ๊ก Properties ครับ
มาถึงหน้าเซ็ทค่า IP Address
กรอกลงไปตามรูปเลยครับ พอเสร็จแล้วให้คลิ๊ก OK ครับ
ต่อมาผมจะไปเซ็ทเครื่องลูกข่ายบ้าง ให้เปิดสวิทซ์ Wireless LAN ครับ หลังจากเปิดแล้วให้ดูที่ icon ตรงมุมขวาล่าง ตามรูปนะครับ แล้ว double click ได้เลยครับ
พอหน้าจอนี้ขึ้นมา คลิ๊กที่ Advanced ครับ
คลิ๊ก Advanced ครับ
เลือก Computer-to-computer (ad hoc) networks only แล้วคลิ๊ก Close ครับ
ที่ Network icon ของเรา ไม่มี x สีแดงแล้วครับ ต่อไปให้ double click ที่ icon นี้เลยครับ
อุ๊ยคำ.....เจอแล้ว Wireless LAN ของเรา ง่ายเจงๆ
ให้ใส่ Network key ที่เราใส่ไปที่เครื่องแม่ข่ายที่นี่ครับ แล้วคลิ๊ก Connect ครับ
ใกล้เสร็จแล้วครับ ต่อไปให้คลิ๊ก Properties
ให้ scroll down ลงมา แล้วคลิ๊กทีนึงที่ Internet Protocol (TCP/IP) ต่อไปคลิ๊ก Properties ครับ
กรอกลงไปตามรูปเลยครับ พอเสร็จแล้วให้คลิ๊ก OK ครับ
Yes! เสร็จแล้วครับ Wireless LAN แบบ Ad-Hoc ของเรา
ต่อไปเราจะ connect Internet ที่เครื่องแม่ข่ายเพื่อแชร์ Internet นะครับ
ให้เปิดตัว dialup ขึ้นมาแล้วคลิ๊ก Properties
ต่อไปคลิ๊กที่ Advanced ตามรูปครับ
ให้คลิ๊กที่ Allow other .... ครับ
ต่อมาให้คลิ๊กเลือก Wireless Network Connection 2
ลองดูให้เหมือนดังรูป แล้วคลิ๊ก OK ครับ
จะมีหน้าต่างเตือนขึ้นมาให้เซ็ท IP Address เป็น 192.168.0.1 แต่ว่าเราได้เซ็ทค่าไว้ล่วงหน้าแล้ว คลิ๊ก Yes ไปโลดครับ
ต่อมาก็ให้ Connect Internet บนเครื่องแม่ได้เลยครับ
เสร็จแล้วกลับมาดูที่เครื่องลูกข่าย แล้วลองเข้า Internet ดู......จบแล้วครับ วิธ๊นี้สามารถนำไปใช้ในการแชร์ ADSL ก็ได้นะครับ แค่เลือกตัว Dial-Up ของ ADSL แล้วเซ็ทให้แชร์ Internet ก็เท่านั้นเองครับ
ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ก็ไป post ถามใน Forum ได้เลยนะครับ
วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ดาวเทียมที่ใช้ในการสื่อสาร
เทคโนโลยีดาวเทียมกับการสื่อสารยุคใหม่ประเทศไทยเริ่มใช้การสื่อสารผ่านดาวเทียมเมื่อ พ.ศ. 2510 โดยมีการติดต่อทางโทรศัพท์ระหว่างประเทศไทยกับเมือง โฮโนลูลู รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปีถัดมา พ.ศ. 2511 ก็มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมถ่ายทอดสดรายการโทรทัศน์จากสหรัฐอเมริกามายังประเทศไทย การสื่อสารผ่านดาวเทียม มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงคมนาคมจึงเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมทุนรับสัมปทานดำเนินการโครงการดาวเทียมแห่งชาติเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2534 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ บริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานดาวเทียมสื่อสาร มีระยะเวลาตามสัญญา 30 ปี วันที่ 18 ธันวาคม 2536 บริษัท เอเรียลสเปช ของฝรั่งเศส ซึ่งรับจ้างในการ จัดส่งดาวเทียมก็นำดาวเทียมดวงแรกของประเทศไทย คือ ไทยคม 1 ขึ้นสู่วงโคจรได้สำเร็จ ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2537 ดาวเทียม ไทยคม 2 ถูกส่งเข้าสู่วงโคจรเป็นดาวเทียมดวงที่สองของประเทศไทย ดาวเทียมไทยคม 3 ส่งขึ้นในวันที่ 17 เมษายน 2540 ดาวเทียมไทยคมมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศไทย ในยุคข่าวสาร ข้อมูล การสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจสังคม และการติดต่อส่งข้อมูลเพื่อความมั่นคงของชาติภายใต้การดูแลรับผิดชอบทุกขั้นตอนโดยคน
เทคโนโลยีดาวเทียมกับการจัดการศึกษาทางไกล
การศึกษาทางไกลนั้น เน้นการศึกษาด้วยตนเอง ผู้เรียนจะเลือกเรียนและเลือกใช้สื่อที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ของตนเอง ระบบการจัดการศึกษาทางไกลจึงต้องมีการจัดการที่เป็นระบบ มีขั้นตอนที่ชัดเจนและมีคุณภาพเป็นที่แน่ใจว่าผู้เรียนจะเกิดผลสัมฤทธ์ทางการเรียนตามมาตรฐานทางวิชาการ เช่นเดียวกับการศึกษาในรูปแบบอื่น ๆ
อาจกล่าวได้ว่า การศึกษาทางไกลมีพัฒนาการมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ พ.ศ. 2379 ที่เริ่มมีการให้ปริญญาภายนอกของมหาวิทยาลัยลอนดอน ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นการสอนทางไปรษณีย์และได้พัฒนาใช้สื่อประเภทต่าง ๆ ได้แก่ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเปิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ซึ่งใช้สื่อประสม หลังจากนั้นการศึกษาทางไกลก็ได้ขยายแนวความคิดกระจายออกไปยังภูมิภาค
จากการที่ประเทศไทย มีดาวเทียมแห่งชาติ คือ ไทยคม 1 ซึ่งมีช่องสัญญาณในระบบ KU-Band และมีระบบรับส่งสัญญาณด้วย Digital Technology ซึ่งมีประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณได้คมชัดกว่าระบบอื่น บริษัทชินวัตร แซทเทลไลท์ จำกัด โดยผ่านมูลนิธิไทยคม เห็นความสำคัญของการพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ และเพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสำหรับจัดการศึกษาทางไกล จึงได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างมูลนิธิไทยคม และกระทรวงศึกษาธิการ ตามข้อตกลงมูลนิธิไทยคม จะให้ความช่วยเหลือแก่กระทรวงศึกษาธิการ ในการใช้ดาวเทียมเพื่อการศึกษาทางไกล จำนวน 1 ช่องสัญญาณ พร้อมทั้งสนับสนุนชุดอุปกรณ์รับ
การศึกษาทางไกลเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษาในประเทศไทยปี พ.ศ. 2518 โดยแบ่งลักษณะของการพัฒนาการศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ การศึกษาทางไกลระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา และการศึกษาทางไกลระดับอุดมศึกษา อาจกล่าวได้ว่า กรมการศึกษานอกโรงเรียนได้รับผิดชอบการศึกษาทางไกล ในระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา ซึ่งแต่เดิมกรมการศึกษานอกโรงเรียนได้จัดการศึกษาทางไกล โดยมีสื่อพิมพ์เป็นสื่อหลัก และเสริมด้วยรายการวิทยุกระจายเสียง ให้แก่นักศึกษาผู้ใหญ่ นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนได้ฟังและใช้บทเรียนทางวิทยุบ้าง ไม่ได้ใช้บ้าง บางคนอ้างว่า ไม่มีเวลาที่จะติดตามฟัง บทเรียนทางวิทยุมีเฉพาะเสียงอย่างเดียว ไม่ค่อยน่าสนใจฟัง ในปัจจุบันสื่อโทรทัศน์มีบทบาทต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ สื่อที่มีทั้งภาพและเสียงมีข้อได้เปรียบในการสอนเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ได้ชัดเจน สื่อโทรทัศน์ส่วนใหญ่ผูกพันอยู่กับวงการธุรกิจโฆษณา และความบันเทิง การเช่าเวลาจากสถานีโทรทัศน์ที่มีอยู่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก และที่สำคัญทางสถานีไม่อาจจะจัดสรรเวลาให้ตามที่หน่วยงานทางการศึกษาต้องการได้
การศึกษาผ่านดาวเทียมครั้งแรก คือ เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ 12สิงหาคม 2537 โดยออกอากาศในระบบส่งตรงถึงผู้ชม (Direct to home : DTH) การออกอากาศในระบบนี้เป็นการส่งสัญญาณโทรทัศน์ขึ้นสู่ดาวเทียม จากนั้นสัญญาณจะถูกส่งจากดาวเทียมมายังอุปกรณ์รับสัญญาณซึ่งติดตั้งอยู่ที่จุดติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณ ชุดอุปกรณ์ประกอบด้วย
1. จานรับสัญญาณดาวเทียม (Dish Antenna) พร้อมตัวรวมสัญญาณ (Low Noise Block and Feedhorn : LNBF)
2. เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม (Integrated Receiver and Decoder : IRD)
3. เครื่องรับโทรทัศน์ (T.V. Monitor)
เทคโนโลยีดาวเทียมกับการจัดการศึกษาทางไกล
การศึกษาทางไกลนั้น เน้นการศึกษาด้วยตนเอง ผู้เรียนจะเลือกเรียนและเลือกใช้สื่อที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ของตนเอง ระบบการจัดการศึกษาทางไกลจึงต้องมีการจัดการที่เป็นระบบ มีขั้นตอนที่ชัดเจนและมีคุณภาพเป็นที่แน่ใจว่าผู้เรียนจะเกิดผลสัมฤทธ์ทางการเรียนตามมาตรฐานทางวิชาการ เช่นเดียวกับการศึกษาในรูปแบบอื่น ๆ
อาจกล่าวได้ว่า การศึกษาทางไกลมีพัฒนาการมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ พ.ศ. 2379 ที่เริ่มมีการให้ปริญญาภายนอกของมหาวิทยาลัยลอนดอน ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นการสอนทางไปรษณีย์และได้พัฒนาใช้สื่อประเภทต่าง ๆ ได้แก่ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเปิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ซึ่งใช้สื่อประสม หลังจากนั้นการศึกษาทางไกลก็ได้ขยายแนวความคิดกระจายออกไปยังภูมิภาค
จากการที่ประเทศไทย มีดาวเทียมแห่งชาติ คือ ไทยคม 1 ซึ่งมีช่องสัญญาณในระบบ KU-Band และมีระบบรับส่งสัญญาณด้วย Digital Technology ซึ่งมีประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณได้คมชัดกว่าระบบอื่น บริษัทชินวัตร แซทเทลไลท์ จำกัด โดยผ่านมูลนิธิไทยคม เห็นความสำคัญของการพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ และเพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสำหรับจัดการศึกษาทางไกล จึงได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างมูลนิธิไทยคม และกระทรวงศึกษาธิการ ตามข้อตกลงมูลนิธิไทยคม จะให้ความช่วยเหลือแก่กระทรวงศึกษาธิการ ในการใช้ดาวเทียมเพื่อการศึกษาทางไกล จำนวน 1 ช่องสัญญาณ พร้อมทั้งสนับสนุนชุดอุปกรณ์รับ
การศึกษาทางไกลเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษาในประเทศไทยปี พ.ศ. 2518 โดยแบ่งลักษณะของการพัฒนาการศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ การศึกษาทางไกลระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา และการศึกษาทางไกลระดับอุดมศึกษา อาจกล่าวได้ว่า กรมการศึกษานอกโรงเรียนได้รับผิดชอบการศึกษาทางไกล ในระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา ซึ่งแต่เดิมกรมการศึกษานอกโรงเรียนได้จัดการศึกษาทางไกล โดยมีสื่อพิมพ์เป็นสื่อหลัก และเสริมด้วยรายการวิทยุกระจายเสียง ให้แก่นักศึกษาผู้ใหญ่ นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนได้ฟังและใช้บทเรียนทางวิทยุบ้าง ไม่ได้ใช้บ้าง บางคนอ้างว่า ไม่มีเวลาที่จะติดตามฟัง บทเรียนทางวิทยุมีเฉพาะเสียงอย่างเดียว ไม่ค่อยน่าสนใจฟัง ในปัจจุบันสื่อโทรทัศน์มีบทบาทต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ สื่อที่มีทั้งภาพและเสียงมีข้อได้เปรียบในการสอนเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ได้ชัดเจน สื่อโทรทัศน์ส่วนใหญ่ผูกพันอยู่กับวงการธุรกิจโฆษณา และความบันเทิง การเช่าเวลาจากสถานีโทรทัศน์ที่มีอยู่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก และที่สำคัญทางสถานีไม่อาจจะจัดสรรเวลาให้ตามที่หน่วยงานทางการศึกษาต้องการได้
การศึกษาผ่านดาวเทียมครั้งแรก คือ เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ 12สิงหาคม 2537 โดยออกอากาศในระบบส่งตรงถึงผู้ชม (Direct to home : DTH) การออกอากาศในระบบนี้เป็นการส่งสัญญาณโทรทัศน์ขึ้นสู่ดาวเทียม จากนั้นสัญญาณจะถูกส่งจากดาวเทียมมายังอุปกรณ์รับสัญญาณซึ่งติดตั้งอยู่ที่จุดติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณ ชุดอุปกรณ์ประกอบด้วย
1. จานรับสัญญาณดาวเทียม (Dish Antenna) พร้อมตัวรวมสัญญาณ (Low Noise Block and Feedhorn : LNBF)
2. เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม (Integrated Receiver and Decoder : IRD)
3. เครื่องรับโทรทัศน์ (T.V. Monitor)
วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
สาย Rg6 Rg6 Rg11 Rg58 Rg59
สาย RG6 สายชนิดนี้เป็นสายนำสัญญาณภาพ ทีได้รับความนิยมนำมาใช้งานในระบบ นำสัญญาณภาพแบบต่างๆ ทั้ง TV เคเบิ้ล ดาวเทียม หรือ ระบบ Audio/Video ส่วนใหญ่ก็นิยมนำสายชนิดนี้มาใช้งาน และ สายชนิดนี้ยังนิยม นำมาใช้งานกับระบบกล้องวงจรปิด CCTV มากที่สุดอีกด้วย ซึ่งสาย RG6 ในปัจจุบันมีอยู่หลายเกรดด้วยกัน แต่สาย RG6 ที่ควรนำมาใช้งานในระบบกล้องวงจรปิดนั้นควรจะเป็นสาย RG6 ที่มีคุณภาพสูง มี Shield ป้องกันสัญญาณสูง 95% เพราะหากนำสายที่มีคุณภาพต่ำ มี Shield แค่ 60%-80% มาใช้งานอาจจะทำให้ได้คุณภาพของภาพจากกล้องวงจรปิดออกมาไม่ดี และ เมื่อใช้งานไปนานๆแล้ว อาจจะทำให้เกิดปัญญาณด้านสายสัญญาณภาพในภายหลังได้ สาย RG6 จะมีทั้งแบบที่เป็น Shield ทองแดง และ แบบที่เป็น Shield อลูมิเนียม ทั้งนี้ขึ้นอยู่สถานที่และต่ำแหน่งกล้องวงจรปิดที่จะใช้ในการติดตั้ง ว่าอยู่ ณ จุดใด หากเป็นจุดที่เดินสายในระยะไกลประมาณ 400-700 เมตรขึ้นไปก็ควรจะใช้สายที่เป็น Shield ทองแดง แต่ถ้าหากกล้องวงจรปิด ในจุดนั้นเดินสายไกลไม่เกิน 400 เมตร ก็ใช้สายที่เป็น Shield อะลูมิเนียมได้ สาย RG6 จะมีทั้งสีแดง และ สีขาว ซึ่งสาย สีขาวจะนิยมใช้งานภายในอาคาร เพราะสายสีขาวไม่ทนทานต่อแสงแดง สาย RG6 สีขาวส่วนใหญ่จะเป็นสายเกรดต่ำ ฉนวนหุ้มสายที่เป็นสีขาวนั้นเปื่อย-ขาดได้ง่าย ส่วนสาย RG6 ที่เป็นสีดำนั้น จะเป็นสายที่มีเกรดสูงกว่าสายสีขาว ทนทานต่อแดงได้ดี ไม่เปื่อย-ขาดง่าย ทนต่อความร้อนได้ แต่ก็จะมีราคาแพงกว่าสายสีขาว สายที่นิยมมาใช้ในระบบกล้องวงจรปิดนั้นจะใช้สายสีดำเป็น ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และ ทนทานมากกว่าสาย RG6 สีขาว
RG-11เริ่มจากต้องหาไฟเลี้ยงให้กล้องก่อนนะครับ ถ้าเดินตามเสาไฟฟ้าต้องหาทางจั๊มไฟกันตามสะดวกนะครับ จากกล้องสัญญาณออกมาเป็น AV เอามาต่อเข้ากับ Modulator ตัวเล็กๆที่สามารถใส่กล่องกันน้ำแขวนใว้ที่เสาไฟฟ้าได้ ตัวนี้ต้องมีไฟเลี้ยง 220V ด้วยนะครับใช้รวมกับกล้องก็ได้ จากนั้นมันจะเปลี่ยนสัญญาณ AV ให้เป็นสัญญาณ RF โดยอัตโนมัติ ส่งสัญญาณไปตามสาย RG-11 โดยระหว่างทางต้องมีทรั๊งค์แอมป์ อุปกรณ์ตัวนี้ต้องมีไฟเลี้ยงโดยการใช้เพาเวอร์ซัพพลาย 60V 8-10A เข้าไปเลี้ยง ไฟเลี้ยงแบบนี้จะวิ่งไปในสายนำสัญญาณ (ทั้งสัญญาณกับไฟเลี้ยงวิ่งไปในสายเส้นเดียวกัน ) ซึ่งทรั๊งแอมป์จะใส่ที่ระยะ 200 เมตรต่อ 1 ตัวครับ เมื่อต้องใส่กล้องตัวที่ 2 ก็เอา Tap-off แบบ outdoor มากลับทางไปเรื่อยๆ ถึงกล้องตัวที่ 3 4 5 ก็ใส่ไปเรื่อยๆครับ สมมุติว่าระยะทาง 1 กิโลเมตรก็ใส่ทรั๊งแอป์ทั้งหมด 5 ตัว พอถึงจุดหมายสัญญาณภาพของกล้องทั้ง 5 ตัวก็จะรวมอยู่ในสายเส้นเดียวกัน แล้วทำยังไงสัญญาณของกล้องจะกลับมาเป็นสัญญาณ AV อีกครั้ง ก็เอาตัว deModulator มาเพื่อแปลงสัญญาณ RF ให้กลับมาป็นสัญญาณ AV อีกครั้ง ปลายสาย RG-11 ก็ให้ใส่สปริ๊ตเตอร์ 6 ทางกลับหัวไปอย่าให้เสีย แยกเข้าตัว deModulator เพื่อแยกสายมาเข้าทั้งหมด 5 ตัว ปรับจูนให้ตรงกับสัญญาณของกล้องแต่ละตัว เพราะกล้องแต่ละตัวมี mod อยู่แล้วต้อง
สาย RG59 สายชนิดนี้เป็นสายนำสัญญาณภาพเหมือนกันกับสาย RG6 แต่สาย RG59 จะมีขนาดที่เล็กกว่าสาย RG6 และมีความยืดยุ่นสูงกว่า เพราะสายเส้นเล็กกว่า แต่สาย RG59 จะนำสัญญาณภาพได้ในระยะที่สั้นกว่าสาย กว่าคือสาย RG59 นำสัญญาณภาพได้ไกลไม่เกิน 200 เมตร เพราะสาย RG59 มีการลดทอนของสัญญาณภาพมากที่สุด เพราะสายมีขนาดเล็กสุด นั่นเอง สาย RG59 จะเหมาะกับใช้งานภายในอาคาร ในลิฟท์ เพราะมีสายมีขนาดเล็กและมีความยืดยุ่นได้ดี RG-58 / U คือประเภทของ คู่สาย มักจะใช้สำหรับการใช้พลังงานต่ำของสัญญาณและ RF การเชื่อมต่อ สายมี ลักษณะความต้านทาน ของทั้ง 50 หรือ 52 Ω . "RG" เป็นตัวบ่งชี้หน่วยสำหรับสาย RF จำนวนมากในกองทัพสหรัฐ อิเล็กทรอนิคส์ประเภทร่วมระบบการกำหนด . มีหลายรุ่นครอบคลุมความแตกต่างในวัสดุหลัก (สายแข็งหรือถักเปีย) และโล่ (70% ถึง 95% ครอบคลุม) เป็น
เส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอกของ RG-58 ประมาณ 0.2 นิ้ว (5 มม. ) RG-58 น้ำหนักประมาณ 0.025 £ / ฟุต (37 g / m), การจัดแสดงนิทรรศการความจุประมาณ 25 pF / ฟุต (82 pF / m) และสามารถทนต่อสูงสุดไม่เกิน 300 V ที่มีศักยภาพ (1800 วัตต์) [1] RG-58 ธรรมดา สายมีตัวนำศูนย์ของแข็ง RG-58A / U มีความยืดหยุ่น 7 หรือ 19 ตัวนำศูนย์สาระ
มากที่สุด สองทางวิทยุ ระบบการสื่อสารเช่นทะเล วิทยุ CB , มือสมัครเล่น , ตำรวจ, ไฟไหม้, WLAN เสาอากาศ ฯลฯ ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับสายเคเบิล 50 Ω
RG-58 สายมักจะใช้เป็นผู้ให้บริการทั่วไปของสัญญาณในห้องปฏิบัติการร่วมกับ การเชื่อมต่อ BNC ที่ใช้กันทั่วไปในการทดสอบและอุปกรณ์การวัดเช่น Oscilloscope ของ .
RG-58 ในรุ่น RG-58A / U หรือ RG-58C / U ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายใน "ผอม" อีเธอร์เน็ต ( 10Base2 ) ที่ให้ความยาวส่วนสูงสุดของ 185 เมตร อย่างไรก็ตามมันก็ถูกแทนที่เกือบทั้งหมดโดยคู่บิดสายเช่นCat 5 , Cat 6 และสายเคเบิลที่คล้ายกันในข้อมูลการใช้งานระบบเครือข่าย
RG-58 สายสามารถใช้สำหรับความถี่สูงปานกลาง การลดทอนสัญญาณขึ้นอยู่กับความถี่ในการเช่นจาก 0.11 dB / m ที่ 50 MHz ถึง 1.4 dB / m ที่ 2 GHz
RG-8 เป็น 50 โอห์มคู่สายที่ใช้สำหรับการส่งวิทยุ (เช่นในวิทยุสมัครเล่นหรือ CB) เมื่อเร็ว ๆ นี้พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่พวกเขาสามารถเพิ่มการเชื่อมต่อ หนึ่งในสิ่งแรกที่คนจะสังเกตได้เกี่ยวกับ RG-8 สายคือว่าพวกเขามีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับสายอื่น ๆเนื่องจากพวกเขามีสาย 50 โอห์มพวกเขาไม่สามารถที่จะใช้สำหรับชนิดของการทำงานวิดีโอใด ๆ พวกเขาจะประกอบด้วย dielectrics ศูนย์วัสดุตัวนำและแจ็คเก็ตล้อมรอบพวกเขาที่ให้การป้องกันจากอันตรายภายนอก
ถ้าคุณรู้ว่าคุณสมบัติของ RG-8 มีจุดซื้อมันไม่มี น้ำหนักของสินค้าที่ควรจะประมาณสองปอนด์และอาจขยายตราบเท่าที่ 75 ฟุต RG-8 สายเหมาะสำหรับการใช้งานในบางEthernet เครือข่าย
|
วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555
| UTP คืออะไร |
Unshielded twisted pair (UTP) เป็นสายโทรศัพท์แบบพื้นฐาน twisted pair เป็นสายทองแดงธรรมดาที่ต่อตามบ้าน คอมพิวเตอร์ของบริษัทไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์ การหุ้มฉนวนที่สายและพันเป็นเกลียว เพื่อลดการรบกวนและการเหนี่ยวนำระหว่างสาย สัญญาณแต่ละสัญญาณบนสาย twisted pair ต้องการสายทั้งสอง ในการติดตั้งโทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์แบบ multiple connections ต้องการสาย twisted pair ตั้งแต่ 2 คู่ขึ้นภายในสายเดียวกัน
twisted pair แต่ละ pair จะมีเฉพาะของตัว เมื่อเป็นแพ็คเกตแบบ multiple pair ถึงแม้ว่าสาย twisted pair จะได้รับการติดตั้งตามบ้าน แต่สาย twisted pair เกรดสูงจะใช้เป็นการวางสายในการติดตั้งระบบ LAN
|
วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
รบบข่ายสายตอนนอก
คือสายส่งและการใช้งาน สายทองแดงหลายแกน สายเคเบิลแกนร่วมและเส้นใยนํ าแสง การนับสี การกํ าหนดเส้นและมาตรฐาน การติดตั้งสายเคเบิลแบบอากาศและแบบฝังดิน และการเตรียมงาน การชิลด์ การเชื่อมสายและการป้องกันสายจากสัตว์และงานโยธาการประมาณค่าใช้จ่ายและงบประมาณ การวัดทดสอบภาคสนาม โอทีดีอาร์ ตัววิเคราะห์สเปกตรัมทางแสงและไฮบริด
แผนที่วิทยาลัยไปบ้านผม
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)


































